16 ธ.ค. 63

   โลกเปลี่ยนไป อะไรก็เปลี่ยนตาม จากความเชื่อที่ว่า เบาหวาน เป็นโรคของผู้สูงอายุ แต่จากสถิติตัวเลขล่าสุด ไม่ใช่อีกต่อไป เพราะมีข้อมูลชี้ชัดว่ากลุ่มวัยทำงาน วัยผู้ใหญ่ช่วงต้น รวมถึงวัยรุ่นทั่วโลก มีความเสี่ยงป่วยเป็นโรคเบาหวาน หนึ่งใน โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ โรค NCDs กันมากขึ้น จากพฤติกรรมการกินและการใช้ชีวิตประจำวัน ที่น่าห่วงคือ มีคนวัยนี้อีกมากที่ยังไม่รู้ตัวว่าป่วยเบาหวาน ทำให้พลาดโอกาสในการรักษา ซึ่งกว่าจะรู้ตัวก็อาจสายไป ซึ่งเบาหวานในกลุ่มวัยทำงาน มีความรุนแรงกว่าที่เกิดในวัยกลางคนและผู้สูงอายุ เพราะตอบสนองต่อการรักษาได้น้อย จึงทำให้โรคแทรกซ้อนต่าง ๆ มาเร็วและรุนแรงกว่านั่นเอง

พูดให้เข้าใจง่าย ๆ โรคเบาหวาน คือ โรคที่ร่างกายไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลได้ จนทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงอยู่ตลอดเวลา ในระยะยาวจะส่งผลเสียทำลายหลอดเลือด จนไปสู่ภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวานที่รุนแรงมากขึ้น เช่น โรคแทรกซ้อนเรื้อรังของเบาหวานที่ไตทำให้ไตวาย โรคแทรกซ้อนเรื้อรังของเบาหวานที่จอประสาทตาทำให้ตาบอด หรือ โรคเส้นประสาทชาไร้ความรู้สึก เป็นแผลก็ไม่เจ็บเพราะระบบหมุนเวียนเลือดไม่ดี สาเหตุที่หลายคนต้องตัดขานั่นเอง

…รู้ไหมว่า คุณอาจกำลังเป็นผู้ป่วยเบาหวาน เพราะ 50% ของคนป่วยโรคนี้ยังไม่รู้ตัว และที่น่ากลัวคือ เป็นแล้วเรื้อรัง รักษาไม่หาย ลองสังเกตตัวเองว่าคุณมีอาการเหล่านี้หรือไม่?

1. คุณมีภาวะอ้วนลงพุง 

2. คุณมีภาวะเนือย เหนื่อยหน่ายบ่อย เคลื่อนไหวน้อย และไม่ค่อยออกกำลังกาย

3. เมนูโปรดของคุณ ไม่ใช่อาหารเพื่อสุขภาพ ไม่ใช่อาหารคลีน แต่หลัก ๆ คือ แป้งและน้ำตาล

4. คุณเป็นโรคความดันโลหิตสูง หรือ ไขมันในเลือดสูง

5. คุณเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด 

6. คุณเป็นคุณแม่ที่เคยเป็นโรคเบาหวานตอนตั้งครรภ์ หรือคลอดลูกที่น้ำหนักเกิน 4 กิโลกรัม

7. คุณคนในครอบครัวหรือญาติเป็นโรคเบาหวาน

ซึ่งลักษณะเบื้องต้นของคนที่เข้าเป็นเบาหวาน คือ ปัสสาวะมากขึ้น กระหายน้ำมากขึ้น อ่อนเพลียแบบไม่มีสาเหตุ ถ้าอยู่ในกลุ่มเสี่ยงและมีอาการเหล่านี้ คงถึงเวลาที่คุณต้องลองไปตรวจคัดกรอง รู้ไวจะได้รักษาทัน เพราะโรคนี้ถ้าเป็นแล้วต้องอดทนรักษากันไปตลอดชีวิต และค่ารักษาพยาบาลยังสูงมากอีกด้วย

แต่ถ้าเป็นกลุ่มเสี่ยงแล้วยังไม่มีอาการ คุณยังมีโอกาสที่จะดูแลตัวเองให้ห่างเบาหวาน เริ่มตั้งแต่….

ปรับพฤติกรรม และการรับประทานอาหาร เพื่อควบคุมน้ำหนักให้ร่างกายเข้าสู่กระบวนการลดพุง และแข็งแรงมากขึ้น ด้วยการขยับร่างกาย เดินให้มากขึ้น ออกกำลังกายให้มากขึ้น สังเกตความผิดปกติของตัวเองให้มากขึ้น รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ถ้าจะให้ดีเปลี่ยนเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ หรือ อาหารคลีน ไปเลยก็ได้

ซึ่งอาหารเพื่อสุขภาพ หรือ อาหารคลีน ยุคใหม่ ไม่ใช่อาหารจืดชืดรสชาติน่าเบื่อ เพราะมีเครื่องปรุงเพื่อสุขภาพเป็นอีกทางเลือกของคนชอบกินที่หันมารักตัวเอง เช่น เครื่องปรุงลดโซเดียมและน้ำตาล ที่มีโซเดียมและน้ำตาลต่ำ แต่ให้รสชาติที่เข้มข้น กลมกล่อม สามารถนำไปปรุงเมนูโปรดรสจัดที่คุณชอบแบบไม่ต้องคอยคำนวณแคลอรี หรือเลือกใช้สารแทนความหวาน ที่ไม่ทำให้อ้วน และมีประโยชน์มากกว่าน้ำตาล ในอาหารทุกมื้อก็ได้ 

เครื่องปรุงรสเพื่อสุขภาพ โซเดียมและน้ำตาลต่ำ สะอาดปลอดภัย โดยทีมวิจัยจากสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล คลิกเลย!! >> LINK   

บทความที่เกี่ยวข้อง

16 ธ.ค. 2563

อยากขาเรียวต้องอ่าน รู้ยังว่าขาใหญ่ลดได้ แค่ใช้กฎลดโซเดียม

GOODLIFE , เครื่องปรุงรส , เครื่องปรุงลดเกลือโซเดียม

16 ธ.ค. 2563

ชอบกินแป้งต้องรู้ 8 เทคนิคกินแบบช่วยลดพุง ลดน้ำหนัก ป้องกันเบาหวาน

GOODLIFE , เครื่องปรุงรส , เครื่องปรุงลดเกลือโซเดียม

16 ธ.ค. 2563

ใครว่า อาหารคลีน ต้องจืด เคล็ดลับปรุง อาหารเพื่อสุขภาพ ให้แซบ!

GOODLIFE , เครื่องปรุงรส , เครื่องปรุงลดเกลือโซเดียม

16 ธ.ค. 2563

ร้ายที่สุดคือโรคไม่ติดต่อ รู้ทันวิธีหยุด 6 โรค NCDs ในตัวคุณ

GOODLIFE , เครื่องปรุงรส , เครื่องปรุงลดเกลือโซเดียม